Bonjour สวัสดีค่า ทักกันเป็นภาษาฝรั่งเศสอีกแล้ว แฮ่
กลับมาอีกแล้ว หลังจากหายไปนาน (วันเดียวเอง) มาต่อกันหลังจากที่ทานอาหารเย็นไปแล้วในกระทู้ที่แล้ว ติดตามกันได้ที่ลิ้งค์นี้ด้านล่างเลยค่า
"Les Philosophes" ร้านอาหารอร่อยใจกลางกรุงปารีส http://onedeeko.blogspot.com/2018/02/crles-philosophes.html
เช้าวันต่อมาที่เราจะเที่ยวกับเพื่อนรุ่นพี่อีกวันเป็นวันเสาร์ เราก็เลยจะไป breakfast กันในโรงแรมกัน แต่เรา 2 คนไม่ได้พักที่โรงแรมนี้ มันมีที่มาที่ไป ซึ่งก็คือโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่นักวิ่งคนอังกฤษที่รุ่นพี่เราชอบ เวลาเค้ามาปารีสทีไรเค้าก็จะมาพักที่นี่ทุกที นางก็เลยตั้งใจมาตามรอย ซึ่งโรงแรมนี้ชื่อ The Hoxton Hotel Paris ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไร อ่ะไปก็ไป (ใจโอนอ่อนเอียงง่ายมาก) แล้วนางก็เลยจัดการโทรไปจองที่นั่งสำหรับ 2 คนตอน 10 โมงเช้า ตอนแรกถามว่าราคาคนละเท่าไร เพราะเราคิดว่ามันอาจจะเป็นเหมือน breakfast ตามโรงแรมทั่วไปที่เป็นบุฟเฟ่แล้วคิดเป็นหัว ทางโรงแรมตอบกลับมาว่าแล้วแต่เมนู นั่นก็แปลว่าสั่งอะไรก็ได้ตามใจฉัน สั่งเท่าไรจ่ายเท่านั้นค่ะ
ตอนเช้าวันเสาร์ก็เลยจัดการไปที่โรงแรม พอเดินเข้าไปนี่สวยมากกก เราไม่ได้ทำริเสิชไปเลย เค้าชวนไปก็ไป แต่แบบพอเดินเข้าไปจะเจอโถงใหญ่ๆ ตกแต่งด้วยกระจกซะส่วนใหญ่ ทำให้ข้างในสว่างมาก
ทางซ้ายมือ สิ่งแรกที่จะเจอก็คือ coffee bar ที่จะมีพนักงานง่วนชงเครื่องดื่มกันอยู่ เราไม่ได้สังเกตุอะไรมาก มัวแต่ตื่นเต้น และหิว ก็เลยเดินเข้าไปที่รีเซปชั่นพร้อมบอกชื่อที่โทรมาจองไว้เมื่อคืน นางก็บอกว่า walk-in ไปที่ห้องอาหารได้เลยนะคะ ก็เลยหิ้วท้องเข้าไป
ห้องอาหารข้างในก็ตกแต่งน่ารักๆเรียบง่าย สวยงามมาก เลือกที่นั่งก็หย่อนก้นและเลือกเมนูอาหารกันค่ะ
ตอนดูเมนูอาหาร ราคาเราว่าก็โอเคใน range ราคาของ breakfast ในโรงแรม เราก็เพื่อนรุ่นพี่ก็เลยเลือกกันคนละเมนูแล้วเอามาแบ่งกันตามสไตล์คนเอเชีย เมนูแรกคือแพนเค้กปกตินี่แหละ แต่ซอสที่ราดไม่ปกติ เพราะมี hazelnut, apple, and banana มาพร้อมโรยผล blueberry สดด้วย หน้าตาอาจจะไม่น่ากินนะ แต่บอกเลยว่าอร่อยมากกกกกกก ซอสที่มีส่วนผสม 3 อย่างรวมกันมันเข้ากันแบบ อร่อยอ่ะ คือกวาดซอสจนจะหมดก่อนแพนเค้กแล้ว ส่วนอีกจานคือ tartine with jam and butter ไม่ได้ถ่ายมาเยอะ เพราะมันก็เป็นแค่ขนมปังเสิร์ฟมาพร้อมแยมและเนยแค่นั้นเอง ส่วนเครื่องดื่มเราสั่ง hot chocolate กับ ice latte มา
ในส่วนของน้ำเปล่านั้น เราก็ชินกับการที่กินน้ำก๊อกที่นี่ แต่ว่าอันนี้เสิร์ฟมา พอกินเข้าไปนี่กลิ่นแตงกวาอึ้บมาก เคยกินแต่น้ำเปล่าแช่เลม่อน ไม่เคยกินน้ำเปล่าแช่แตงกวา แปลกๆดีเหมือนกัน
ราคาอาหารเช้า 2 จานรวมเครื่องดื่ม 2 แก้วทั้งหมด 30€
กินเสร็จก็นั่งดื่มด่ำบรรยากาศเพราะห้องอาหารตกแต่งสวยจริงๆ ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเท่าไรแฮะ มัวแต่ถ่ายรูปคน แฮ่ พอเริ่มขยับตัวได้ก็ออกไปถ่ายรูปเล่นด้านนอกกันตรงโถงที่เดินเข้ามาทีแรก เพราะชอบการตกแต่งของโรงแรมเหลือเกิน อย่างที่เราจั่วหัวไปในตอนแรกว่าโรงแรมตกแต่งสไตล์สตรีท เพราะ theme ขอทางโรงแรมคือ "Open house hotels, inspired by the streets and scenes that surround them." อธิบายไม่ถูก ให้รูปอธิบายตัวมันเองละกันเนอะ
รูป bird eye view ที่ถ่ายมาคือเราปีนขึ้นบันไดไป เพราะมีชั้นลอยเล็กๆให้แขกขึ้นไปนั่งจิบกาแฟเกร๋ๆ จริงๆด้านในโรงแรมน่าจะมีมุมให้ถ่ายรูปมากกว่านี้ แต่เป็นเพราะว่าเราไม่ได้เป็นแขกของโรงแรมนี้ เราก็เลยสถิตอยู่แค่ด้านนอกแล้วกัน แล้วจริงๆแล้วตรงห้องโถงใหญ่มีทางเดินออกไปข้างนอกที่จะเป็นโต๊ะกลางแจ้ง แต่วันนั้นฝนตก เราก็เลยไม่ได้เดินออกไปถ่ายรูป แต่แค่นี้ก็สวยแล้ว ชอบการตกแต่งของทางโรงแรมมากจริงๆ
โรงแรมชื่อ The Hoxton Hotel ไปไม่ยากเลย นั่งเมโทรไปลงสถานี Bonne Nouvelle แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย ใครสนใจอยากไปพักก็เข้าไปดูที่เว็บไซต์ได้ที่ https://thehoxton.com/ และในเว็บไซต์ทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วเค้ามีหลายสาขาทั้งที่ London (2 สาขา) Amsterdam (1 สาขา) และกำลังจะเปิดที่อเมริกาอีก 4 สาขา
เราว่าไม่แปลกเลยที่โรงแรมนี้จะเรียกแขกให้มาพักได้ไม่ยากด้วยการตกแต่งสไตล์สตรีทที่ไม่เหมือนใคร ใครที่ไม่ได้อินโรงแรมหรูๆให้โรงแรมนี้เป็นอีกทางเลือกก็ยังได้ และด้วยความที่พนักงานทุกคนบริการน่ารักมากกก ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกคน ทำให้เราเดินเข้าไปใช้บริการได้อย่างมีความสุขสุดๆ น่ารักมากกกก ถ้ามีโอกาสก็อยากไปกินอาหารเช้าที่นี่อีก หรืออาจจะมี lunch or dinner ต้องลองไปสืบหาข้อมูลดูก่อน
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ โพสหน้าจะพาไปกินอะไรหรือดูอะไร รอติดตามได้เลยน้าาาา
สมาชิกหมายเลข 3938701 อ้างอิงจากลิ้ง https://pantip.com/topic/37353412
กลับมาอีกแล้ว หลังจากหายไปนาน (วันเดียวเอง) มาต่อกันหลังจากที่ทานอาหารเย็นไปแล้วในกระทู้ที่แล้ว ติดตามกันได้ที่ลิ้งค์นี้ด้านล่างเลยค่า
"Les Philosophes" ร้านอาหารอร่อยใจกลางกรุงปารีส http://onedeeko.blogspot.com/2018/02/crles-philosophes.html
เช้าวันต่อมาที่เราจะเที่ยวกับเพื่อนรุ่นพี่อีกวันเป็นวันเสาร์ เราก็เลยจะไป breakfast กันในโรงแรมกัน แต่เรา 2 คนไม่ได้พักที่โรงแรมนี้ มันมีที่มาที่ไป ซึ่งก็คือโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่นักวิ่งคนอังกฤษที่รุ่นพี่เราชอบ เวลาเค้ามาปารีสทีไรเค้าก็จะมาพักที่นี่ทุกที นางก็เลยตั้งใจมาตามรอย ซึ่งโรงแรมนี้ชื่อ The Hoxton Hotel Paris ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไร อ่ะไปก็ไป (ใจโอนอ่อนเอียงง่ายมาก) แล้วนางก็เลยจัดการโทรไปจองที่นั่งสำหรับ 2 คนตอน 10 โมงเช้า ตอนแรกถามว่าราคาคนละเท่าไร เพราะเราคิดว่ามันอาจจะเป็นเหมือน breakfast ตามโรงแรมทั่วไปที่เป็นบุฟเฟ่แล้วคิดเป็นหัว ทางโรงแรมตอบกลับมาว่าแล้วแต่เมนู นั่นก็แปลว่าสั่งอะไรก็ได้ตามใจฉัน สั่งเท่าไรจ่ายเท่านั้นค่ะ
ตอนเช้าวันเสาร์ก็เลยจัดการไปที่โรงแรม พอเดินเข้าไปนี่สวยมากกก เราไม่ได้ทำริเสิชไปเลย เค้าชวนไปก็ไป แต่แบบพอเดินเข้าไปจะเจอโถงใหญ่ๆ ตกแต่งด้วยกระจกซะส่วนใหญ่ ทำให้ข้างในสว่างมาก
ทางซ้ายมือ สิ่งแรกที่จะเจอก็คือ coffee bar ที่จะมีพนักงานง่วนชงเครื่องดื่มกันอยู่ เราไม่ได้สังเกตุอะไรมาก มัวแต่ตื่นเต้น และหิว ก็เลยเดินเข้าไปที่รีเซปชั่นพร้อมบอกชื่อที่โทรมาจองไว้เมื่อคืน นางก็บอกว่า walk-in ไปที่ห้องอาหารได้เลยนะคะ ก็เลยหิ้วท้องเข้าไป
ห้องอาหารข้างในก็ตกแต่งน่ารักๆเรียบง่าย สวยงามมาก เลือกที่นั่งก็หย่อนก้นและเลือกเมนูอาหารกันค่ะ
ตอนดูเมนูอาหาร ราคาเราว่าก็โอเคใน range ราคาของ breakfast ในโรงแรม เราก็เพื่อนรุ่นพี่ก็เลยเลือกกันคนละเมนูแล้วเอามาแบ่งกันตามสไตล์คนเอเชีย เมนูแรกคือแพนเค้กปกตินี่แหละ แต่ซอสที่ราดไม่ปกติ เพราะมี hazelnut, apple, and banana มาพร้อมโรยผล blueberry สดด้วย หน้าตาอาจจะไม่น่ากินนะ แต่บอกเลยว่าอร่อยมากกกกกกก ซอสที่มีส่วนผสม 3 อย่างรวมกันมันเข้ากันแบบ อร่อยอ่ะ คือกวาดซอสจนจะหมดก่อนแพนเค้กแล้ว ส่วนอีกจานคือ tartine with jam and butter ไม่ได้ถ่ายมาเยอะ เพราะมันก็เป็นแค่ขนมปังเสิร์ฟมาพร้อมแยมและเนยแค่นั้นเอง ส่วนเครื่องดื่มเราสั่ง hot chocolate กับ ice latte มา
ในส่วนของน้ำเปล่านั้น เราก็ชินกับการที่กินน้ำก๊อกที่นี่ แต่ว่าอันนี้เสิร์ฟมา พอกินเข้าไปนี่กลิ่นแตงกวาอึ้บมาก เคยกินแต่น้ำเปล่าแช่เลม่อน ไม่เคยกินน้ำเปล่าแช่แตงกวา แปลกๆดีเหมือนกัน
ราคาอาหารเช้า 2 จานรวมเครื่องดื่ม 2 แก้วทั้งหมด 30€
กินเสร็จก็นั่งดื่มด่ำบรรยากาศเพราะห้องอาหารตกแต่งสวยจริงๆ ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเท่าไรแฮะ มัวแต่ถ่ายรูปคน แฮ่ พอเริ่มขยับตัวได้ก็ออกไปถ่ายรูปเล่นด้านนอกกันตรงโถงที่เดินเข้ามาทีแรก เพราะชอบการตกแต่งของโรงแรมเหลือเกิน อย่างที่เราจั่วหัวไปในตอนแรกว่าโรงแรมตกแต่งสไตล์สตรีท เพราะ theme ขอทางโรงแรมคือ "Open house hotels, inspired by the streets and scenes that surround them." อธิบายไม่ถูก ให้รูปอธิบายตัวมันเองละกันเนอะ
รูป bird eye view ที่ถ่ายมาคือเราปีนขึ้นบันไดไป เพราะมีชั้นลอยเล็กๆให้แขกขึ้นไปนั่งจิบกาแฟเกร๋ๆ จริงๆด้านในโรงแรมน่าจะมีมุมให้ถ่ายรูปมากกว่านี้ แต่เป็นเพราะว่าเราไม่ได้เป็นแขกของโรงแรมนี้ เราก็เลยสถิตอยู่แค่ด้านนอกแล้วกัน แล้วจริงๆแล้วตรงห้องโถงใหญ่มีทางเดินออกไปข้างนอกที่จะเป็นโต๊ะกลางแจ้ง แต่วันนั้นฝนตก เราก็เลยไม่ได้เดินออกไปถ่ายรูป แต่แค่นี้ก็สวยแล้ว ชอบการตกแต่งของทางโรงแรมมากจริงๆ
โรงแรมชื่อ The Hoxton Hotel ไปไม่ยากเลย นั่งเมโทรไปลงสถานี Bonne Nouvelle แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย ใครสนใจอยากไปพักก็เข้าไปดูที่เว็บไซต์ได้ที่ https://thehoxton.com/ และในเว็บไซต์ทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วเค้ามีหลายสาขาทั้งที่ London (2 สาขา) Amsterdam (1 สาขา) และกำลังจะเปิดที่อเมริกาอีก 4 สาขา
เราว่าไม่แปลกเลยที่โรงแรมนี้จะเรียกแขกให้มาพักได้ไม่ยากด้วยการตกแต่งสไตล์สตรีทที่ไม่เหมือนใคร ใครที่ไม่ได้อินโรงแรมหรูๆให้โรงแรมนี้เป็นอีกทางเลือกก็ยังได้ และด้วยความที่พนักงานทุกคนบริการน่ารักมากกก ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกคน ทำให้เราเดินเข้าไปใช้บริการได้อย่างมีความสุขสุดๆ น่ารักมากกกก ถ้ามีโอกาสก็อยากไปกินอาหารเช้าที่นี่อีก หรืออาจจะมี lunch or dinner ต้องลองไปสืบหาข้อมูลดูก่อน
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ โพสหน้าจะพาไปกินอะไรหรือดูอะไร รอติดตามได้เลยน้าาาา
สมาชิกหมายเลข 3938701 อ้างอิงจากลิ้ง https://pantip.com/topic/37353412
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น